ผู้เขียน หัวข้อ: โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร  (อ่าน 54 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 238
  • รับโพสเว็บ รับจ้างโพส โปรโมทเว็บ รับจ้างโปรโมทเว็บ
    • ดูรายละเอียด
โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
« เมื่อ: วันที่ 22 กันยายน 2024, 17:10:43 น. »
โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

มะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach Cancer) เป็นเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นในเยื่อบุกระเพาะอาหาร อาการในระยะเริ่มต้นอาจไม่รุนแรงและมีลักษณะคล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ เช่น อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย แสบร้อนกลางอก ปวดท้อง แน่นท้อง กลืนอาหารลำบาก เป็นต้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารบางชนิด อาหารรมควัน รวมถึงผู้ที่เคยเป็นโรคมะเร็งที่ส่วนอื่นของร่างกาย มะเร็งกระเพาะอาหารมักพบในเพศชายได้มากกกว่าในเพศหญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป


อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร

ในระยะเริ่มแรกของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารอาจไม่แสดงอาการของโรค หรือมีอาการที่ไม่รุนแรงและคล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ ได้ เช่น อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย แสบร้อนกลางอก แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร ปวดท้อง กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้  อาเจียน เป็นต้น หากเนื้อร้ายเจริญเติบโตจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น และอาจพบอาการดังต่อไปนี้

    ปวดหรือจุกที่ลิ้นปี่
    แน่นท้องหรือปวดท้องหลังรับประทานอาหาร
    อุจจาระเป็นเลือด
    อาเจียนเป็นเลือด
    กลืนอาหารลำบาก
    เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
    รู้สึกอิ่มหลังรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ
    รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียจากภาวะโลหิตจาง
    ดีซ่านโดยมีอาการผิวและตาเหลือง

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารหากตรวจพบเร็ว จะรักษาได้ง่ายกว่า อาการทั่วไปที่พบได้คืออาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาของระบบย่อยอาหารจะมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคได้มากกว่าคนอายุน้อย ดังนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค หากมีอาการอาหารไม่ย่อยร่วมกับอาการอื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำหนักลด รู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยล้าจากภาวะโลหิตจาง อาเจียนเป็นประจำ หรือกลืนอาหารลำบาก เป็นต้น


สาเหตุของมะเร็งกระเพาะอาหาร

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามะเร็งกระเพาะอาหารเกิดขึ้นจากสาเหตุใด และอะไรเป็นตัวการที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นที่กระเพาะอาหาร มีเพียงปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ดังต่อไปนี้

    การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร และอาจเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหารเรื้อรัง (Chronic Atrophic Gastritis)
    การสูบบุหรี่
    การรับประทานอาหารประเภทรมควัน ของหมักดอง หรือปลาเค็ม
    ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน
    ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
    มักพบในเพศชายได้มากกกว่าในเพศหญิง
    ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
    ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12
    ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดซ่อมแซมแผลในกระเพาะอาหาร ผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน หรือผ่าตัดเส้นประสาทวากัส (Vagus Nerve)
    ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่น มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอนฮอดจ์กิน มะเร็งเต้านม รวมถึงผู้ที่เคยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น


การวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร

ในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อหาความผิดปกติ เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต ท้องบวมจากการขยายตัวของตับ หรือน้ำในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น มีก้อนที่ท้อง ตรวจทวารหนัก เป็นต้น ตรวจประวัติทางการแพทย์ ประวัติการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารกับสมาชิกในครอบครัว รวมถึงตรวจอาการของผู้ป่วยที่แสดงถึงมะเร็งกระเพาะอาหาร เช่น อาหารไม่ย่อย กลืนลำบาก น้ำหนักลด คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นต้น แพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการทดสอบโดยมีแนวทางดังต่อไปนี้

    การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้น (Upper GI Series) เป็นการเอกซเรย์โดยการกลืนแป้งแบเรียม เพื่อตรวจหาเนื้อร้ายและความผิดปกติอื่น ๆ ในช่องท้อง
    การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร (Endoscopy) โดยส่องกล้องเข้าทางปากเพื่อมองภาพของกระเพาะอาหาร หากพบความผิดปกติแพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อไปตรวจ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัยโรคมะเร็ง
    การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) จะทำหลังการวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร เพื่อประเมินและกำหนดระยะของมะเร็ง
    การทดสอบอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบความรุนแรงของมะเร็ง เช่น การสแกนกระดูก การตรวจความเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี (PET Scan) เป็นต้น

เมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร การประเมินระยะการแพร่กระจายของมะเร็งจะเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะเกิดขึ้น สามารถแบ่งได้ 4 ระยะ ดังนี้

    ระยะที่ 1 มะเร็งอยู่ที่ชั้นเยื่อบุของกระเพาะอาหาร ยังไม่ลุกลามไปที่อื่น หรืออาจแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงจำนวนไม่มาก
    ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามลึกลงไปที่ชั้นกล้ามเนื้อของผนังกระเพาะอาหาร และอาจแพร่กระจายเพิ่มมากขึ้นไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงจำนวนมากขึ้น
    ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปทั่วตลอดความหนาของชั้นกระเพาะอาหาร อาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง และแพร่กระจายเพิ่มมากขึ้นไปยังต่อมน้ำเหลือง
    ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามและกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย


การรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร

มะเร็งกระเพาะอาหารสามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะการแพร่กระจายของมะเร็ง โดยมีแนวทางในการรักษาดังต่อไปนี้

    การผ่าตัด เช่น
        การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพียงบางส่วน (Partial Gastrectomy) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีเนื้อร้ายที่ส่วนล่างของกระเพาะอาหาร
        การผ่าตัดกระเพาะอาหารทั้งหมด (Total Gastrectomy) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีเนื้อร้ายที่ส่วนบนหรือกลางกระเพาะอาหาร หากเนื้อร้ายอยู่ใกล้กับส่วนปลายของหลอดอาหาร อาจต้องทำการผ่าตัดขยายหลอดอาหาร หลอดอาหารส่วนที่เหลือจะถูกรวมเข้ากับลำไส้เล็กส่วนบน
        การผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการ ในกรณีที่ก้อนมะเร็งอุดตันกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้ปวดท้อง อาเจียน และรู้สึกแน่นท้องมากหลังรับประทานอาหาร สามารถทำได้โดยการใส่ขดลวดถ่างกระเพาะอาหารโดยการส่องกล้อง การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อกำจัดตำแหน่งอุดตัน หรือการผ่าตัดบายพาส เป็นต้น

    การทำเคมีบำบัด โดยใช้ยาเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง อาจทำก่อนการผ่าตัดเพื่อลดจำนวนของเซลล์มะเร็งหรือหลังการผ่าตัดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังเหลืออยู่ และป้องกันการกลับมาของเซลล์มะเร็ง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เช่น อ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ท้องเสีย โลหิตจาง น้ำหลักลด รู้สึกเหมือนมีเข็มจิ้มที่ฝ่ามือหรือฝ่าเท้า เป็นต้น ผลข้างเคียงจะขึ้นอยู่กับประเภทของยาที่ใช้ในการทำเคมีบำบัดและมักจะมีอาการดีขึ้นหลังจบการรักษา
    การฉายรังสี โดยใช้แสงที่มีพลังงานสูงในการกำจัดเซลล์มะเร็ง แต่ไม่นิยมทำการรักษาด้วยวิธีนี้ เพราะอาจทำให้เกิดผลกระทบกับอวัยวะที่อยู่ใกล้กับกระเพาะอาหารได้ มักใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดรุนแรง หรือมีเลือดออก อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น เหนื่อย คลื่นไส้ ท้องเสีย ระคายเคืองผิว ผลข้างเคียงจะมีอาการดีขึ้นหลังจบการรักษาไปแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์
    อาจมีการพิจารณาใช้ยาทราสทูซูแมบ ที่ใช้ในการรักษามะเร็งเต้านมและอาจใช้ได้ในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารบางราย มีหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและเพิ่มโอกาสของการมีชีวิตรอด อาจใช้ร่วมกับการทำเคมีบำบัด การใช้ยาอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ผลข้างเคียงต่อหัวใจ แพ้ยา คลื่นไส้ หนาวสั่น มีไข้ ท้องเสีย อ่อนแรง รู้สึกเจ็บหรือปวด เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งกระเพาะอาหาร

ในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น

    น้ำในช่องท้อง หรือท้องมาน และน้ำในเยื่อหุ้มปอด
    การอุดตันของกระเพาะอาหารส่วนปลาย รอยต่อหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็ก
    เลือดออกในทางเดินอาหาร จากภาวะเส้นเลือดที่หลอดอาหารโป่งพอง
    ดีซ่านจากภาวะตับโต หรือท่อน้ำดีอุดตัน
    อ่อนเพลียจากการขาดสารอาหาร
    ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูกที่เป็นผลมาจากเนื้อร้าย


การป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร

ในปัจจุบันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามะเร็งกระเพาะอาหารเกิดจากสาเหตุใด จึงยังไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ แต่ทำได้ด้วยการลดโอกาสและความเสี่ยงของการเกิดโรค โดยสามารถปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

    ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและมีร่างกายที่แข็งแรง
    รับประทานผักและผลไม้ เพื่อช่วยเพิ่มเส้นใยอาหารและวิตามินให้กับร่างกาย
    หลีกเลี่ยงการรับประทานของหมักดอง อาหารรมควัน และอาหารที่มีรสเค็ม
    ไม่สูบบุหรี่ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งชนิดอื่น ๆ
    ปรึกษาแพทย์หากพบว่ามีความเสี่ยงของการเกิดโรค