ผู้เขียน หัวข้อ: ประเภทของท่อลมร้อนหลักๆ จะแบ่งตามวัสดุดังนี้  (อ่าน 17 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 454
  • รับโพสเว็บ รับจ้างโพส โปรโมทเว็บ รับจ้างโปรโมทเว็บ
    • ดูรายละเอียด
ประเภทของท่อลมร้อนหลักๆ จะแบ่งตามวัสดุดังนี้
« เมื่อ: วันที่ 30 พฤษภาคม 2025, 18:57:29 น. »
ประเภทของท่อลมร้อนหลักๆ จะแบ่งตามวัสดุดังนี้

ประเภทของท่อลมร้อนหลักๆ ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม มักจะแบ่งตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการทนความร้อน, ทนทานต่อการกัดกร่อน, ความแข็งแรง, และราคาที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้เหมาะสมกับอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมการใช้งาน:

1. ท่อเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel Duct)

ลักษณะ/คุณสมบัติ: เป็นเหล็กที่เคลือบด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันการเกิดสนิม มีน้ำหนักปานกลางและแข็งแรง
อุณหภูมิใช้งานทั่วไป: เหมาะสำหรับลมร้อนที่มีอุณหภูมิต่ำถึงปานกลาง ประมาณ ไม่เกิน 200 - 250°C (อุณหภูมิสูงกว่านี้อาจทำให้สังกะสีเริ่มเสื่อมสภาพหรือเกิดควัน)

ข้อดี:
ราคาประหยัดและหาซื้อง่าย
ทนทานต่อการกัดกร่อนจากสนิมได้ดีในสภาพแวดล้อมปกติ
ติดตั้งง่ายและสามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายวิธี

ข้อควรพิจารณา/ข้อจำกัด:
ไม่เหมาะกับอุณหภูมิสูงมาก
ไม่ทนทานต่อสารเคมีหรือลมที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
การเชื่อมต้องระมัดระวังเรื่องควันสังกะสีที่เป็นอันตราย
การใช้งานทั่วไป: ระบบระบายอากาศในอาคาร, ท่อลมร้อนสำหรับอบแห้งในอุณหภูมิต่ำ, ระบบ HVAC ทั่วไป
2. ท่อเหล็กคาร์บอน (Carbon Steel Duct)
ลักษณะ/คุณสมบัติ: เป็นเหล็กทั่วไปที่ไม่มีการเคลือบผิว มีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อแรงกระแทกและการสึกหรอ
อุณหภูมิใช้งานทั่วไป: เหมาะสำหรับลมร้อนที่มีอุณหภูมิสูงได้ดีกว่าเหล็กชุบสังกะสี ประมาณ 250°C - 600°C (ขึ้นอยู่กับเกรดของเหล็กและความหนา)

ข้อดี:
มีความแข็งแรงและทนทานสูง
ราคาสมเหตุสมผลสำหรับอุณหภูมิสูง
เชื่อมประกอบได้ง่าย

ข้อควรพิจารณา/ข้อจำกัด:
ไวต่อการเกิดสนิมสูงมาก หากสัมผัสความชื้นหรือในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนสูง
มักต้องมีการทำสีหรือเคลือบผิวภายนอกเพื่อป้องกันการกัดกร่อน
การใช้งานทั่วไป: ท่อไอเสียจากเตาเผา, ระบบลำเลียงลมร้อนในอุตสาหกรรมหนัก, โรงงานผลิตเหล็ก


3. ท่อสแตนเลส (Stainless Steel Duct)
ลักษณะ/คุณสมบัติ: เป็นโลหะผสมที่มีโครเมียมเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้เกิดฟิล์มบางๆ ที่ป้องกันการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม มีหลายเกรดให้เลือก (เช่น 304, 316, 310)

อุณหภูมิใช้งานทั่วไป:
เกรด 304: ประมาณ 250°C - 800°C (ทนความร้อนได้ดี แต่ความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อนจะลดลงที่อุณหภูมิสูง)
เกรด 316: คล้าย 304 แต่ทนการกัดกร่อนได้ดีกว่า โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีคลอไรด์หรือสารเคมี
เกรด 310 (High-Temp Stainless Steel): ประมาณ 800°C - 1,100°C หรือสูงกว่า (สำหรับงานที่ต้องการทนความร้อนสูงเป็นพิเศษ)
ข้อดี:
ทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีได้ดีเยี่ยม
ทนความร้อนได้สูง (โดยเฉพาะเกรดพิเศษ)
ทำความสะอาดง่าย ถูกสุขอนามัย

ข้อควรพิจารณา/ข้อจำกัด:
ราคาสูงกว่าเหล็กชุบสังกะสีและเหล็กคาร์บอนอย่างมาก
การเชื่อมต้องใช้เทคนิคเฉพาะ
การใช้งานทั่วไป: อุตสาหกรรมอาหารและยา (ที่ต้องการสุขอนามัยสูง), อุตสาหกรรมเคมี, ท่อไอเสียที่มีฤทธิ์กัดกร่อน, เตาหลอมหรืออุปกรณ์ที่มีอุณหภูมิสูงมาก


4. ท่ออลูมิเนียม (Aluminum Duct)
ลักษณะ/คุณสมบัติ: เป็นโลหะที่มีน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิมง่าย
อุณหภูมิใช้งานทั่วไป: ประมาณ ไม่เกิน 150 - 200°C

ข้อดี:
น้ำหนักเบามาก ติดตั้งง่าย
ทนทานต่อการกัดกร่อนจากสนิมได้ดี
มีความสวยงาม

ข้อควรพิจารณา/ข้อจำกัด:
ไม่แข็งแรงเท่าเหล็ก ทนแรงกระแทกได้ไม่ดี
ไม่เหมาะกับอุณหภูมิสูงมาก เพราะจะเสียคุณสมบัติความแข็งแรงเมื่อร้อนจัด
ราคาอาจสูงกว่าเหล็กชุบสังกะสี
การใช้งานทั่วไป: ระบบระบายอากาศขนาดเล็ก, ท่อลมร้อนสำหรับที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์


5. ท่อพลาสติกชนิดทนความร้อนสูง / วัสดุผสมพิเศษ (High-Temperature Plastic / Composite Duct)

ลักษณะ/คุณสมบัติ: ทำจากพลาสติกวิศวกรรมเฉพาะทาง (เช่น CPVC, PP-H, PVDF, FRP - Fiber Reinforced Plastic) ที่มีคุณสมบัติทนความร้อนและทนสารเคมีเฉพาะ
อุณหภูมิใช้งานทั่วไป: ขึ้นอยู่กับชนิดของพลาสติก มักจะอยู่ในช่วง ต่ำกว่า 100°C - 150°C (บางชนิดอาจทนได้สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สูงเท่าโลหะ)
ข้อดี:
ทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมีได้ดีเยี่ยม (สำหรับสารเคมีบางประเภทที่โลหะทนไม่ได้)
น้ำหนักเบา

ข้อควรพิจารณา/ข้อจำกัด:
มีข้อจำกัดเรื่องอุณหภูมิสูง
ความแข็งแรงทางกายภาพอาจน้อยกว่าโลหะ
ราคาสูงสำหรับวัสดุพิเศษ
การใช้งานทั่วไป: ระบบระบายไอเสียเคมีที่มีอุณหภูมิไม่สูงมาก, ระบบที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนเป็นพิเศษ


6. ท่อเหล็กบุวัสดุทนไฟ (Refractory-Lined Steel Duct)

ลักษณะ/คุณสมบัติ: เป็นท่อเหล็กคาร์บอนหรือเหล็กกล้าบุด้วยวัสดุเซรามิกทนไฟ (Refractory Material) อยู่ด้านใน
อุณหภูมิใช้งานทั่วไป: ออกแบบมาสำหรับอุณหภูมิที่สูงมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 600°C ไปจนถึง 1,200°C หรือสูงกว่า

ข้อดี:
ทนทานต่ออุณหภูมิที่รุนแรงและรังสีความร้อนสูงมาก
ช่วยป้องกันโครงสร้างเหล็กภายนอกจากความร้อนโดยตรง

ข้อควรพิจารณา/ข้อจำกัด:
มีน้ำหนักมากและมีต้นทุนสูงมาก
การติดตั้งและการบำรุงรักษาซับซ้อน
อาจมีข้อจำกัดเรื่องการสั่นสะเทือน (อาจทำให้วัสดุบุภายในแตกได้)
การใช้งานทั่วไป: ท่อไอเสียจากเตาหลอมอุตสาหกรรม, เตาเผาขยะ, เตาเผาปูนซีเมนต์, อุตสาหกรรมแก้ว

การเลือกประเภทของท่อที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจาก อุณหภูมิใช้งานสูงสุด, องค์ประกอบของลมร้อน (มีสารเคมี/ฝุ่นหรือไม่), สภาพแวดล้อมการติดตั้ง, และงบประมาณ ครับ